วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บทความสังคมออนไลน์ ภัยร้ายใกล้ตัว



กระแสสังคมไทยในห้วงปีที่ผ่านๆมาคงหนีไม่พ้นกระแสสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกว่า Social Network เป็นสังคมที่อยู่บนการติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Virtual Community โดยสมาชิกในกลุ่มไม่จำเป็นต้องรู้จักกันอย่างสนิทสนม แต่มีหัวข้อความสนใจร่วมกัน มีบทสนทนาที่แสดงแนวคิดในเรื่องๆหนึ่งร่วมกัน กระแสการใช้ Social Network ในประเทศไทยถูกจุดทำให้เป็นที่โด่งดัง รู้จักไปทั่วในหมู่ เด็กเล็ก วัยรุ่น วัยชรา ไม่เว้นแม้กระทั่ง พระสงฆ์ แต่ละคนต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัวบนโลกออนไลน์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น HI5 Facebook Twitter ที่มีลูกเล่นต่างๆ มีการเชื่อมโยงเครือข่ายกันให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินกับการใช้งาน แต่เมื่อยิ่งมีการใช้งานกันมากขึ้นเท่าใด ความน่ากลัวและภัยร้ายจากการนำมาใช้อย่างผิดวิธียิ่งมากขึ้นตามไปเท่านั้น เราควรหันมาใส่ใจกับปัญหาการใช้ Social Network ให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าใจและไม่ตกเป็นเหยื่อของภัยร้ายจาก Social Network
ถ้าพูดถึง Social Network ที่หลายๆคนรู้จักกันก็คงหนีไม่พ้น HI5, Facebook, Twitter หรือที่นอกเหนือจากนี้ก็มี My Space, Blogger, Flickr และอื่นๆอีกมายที่เราไม่รู้จักแต่การทำงานหลักๆของเว็บไซต์ Social Network เหล่านี้เหมือนกันตรงที่ใช้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลโดยผู้ใช้จะมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นคล้ายๆกับเว็บไซต์ ใช้แสดงความคิดเห็น อัพเดตข่าวสารของตนเอง รูปภาพ ให้กับเพื่อนๆหรือใช้สำหรับค้นหาเพื่อนใหม่ๆและด้วยความที่ไม่ต้องรู้จักกันมาก่อนก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
การใช้งาน Social Network เพื่อส่งเสริมให้มีการแสดงความเป็นตัวตนของคนเราออกมาบนพื้นที่ส่วนตัวบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานไม่ใช่มีเพียงแค่วัยรุ่นเท่านั้นแต่ยังมีคนที่ชื่นชอบความทันสมัย และชอบการอัพเดตข่าวสารที่ฉับไวยิ่งกว่าในทีวี จึงต้องใช้บริการของ Social Network นั่นจึงทำให้เว็บไซต์ HI5, Facebook, หรือ Twitter ได้รับความอย่างมากภายในระยะเวลาไม่นานข้อดีของมันก็คือการใช้งานเครือข่ายออนไลน์เหล่านี้ฟรี นาน แต่มันก็มีข้อด้อยที่ต้องห่วงกันเป็นพิเศษก็คือ ด้วยความที่เป็นสังคมแห่งการแชร์เรื่องราวต่างๆ ผู้ใช้งานอาจมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล์ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ อันเป็นข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผยเพราะคิดว่าไม่เป็นไร และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มิจฉาชีพซึ่งแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์ใช้ข้อด้อยนี้ให้เป็นประโยชน์เพราะข้อมูลเหล่านี้แฮกเกอร์สามารถดึงออกมาในระยะเวลาอันสั้น
นอกจากจะใช้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลแล้วเครือข่ายสังคมออนไลน์เหล่านี้ยังถูกนำมาใช้ในการเชื่อมโยงสื่อสารเข้าถึงตัวของผู้มีชื่อเสียงในสังคมได้ง่าย เช่น ดารานักร้อง นักการเมือง สินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆในการให้แฟนคลับและคนทั่วไปได้ติดตาม แต่ก็อาจนำมาซึ่งผู้ไม่หวังดี ต้องการทำลายชื่อเสียง ให้เจ้าของเว็บไซต์เหล่านี้ได้รับความเสียหายและอับอาย เสื่อมเสีย เช่นการด่าว่า กล่าวหา เสนอข่าวให้ร้าย หรือมีการโพสต์รูปส่วนตัวประจารให้ได้อับอายกัน หรือมีการเสนอเรื่องราวของผู้มีชื่อเสียงอาจจะเป็นรูปภาพ ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่เหมาะกับสังคมและวัฒนธรรมไทย ทำให้เกิดการเลียนแบบกัน
จากข่าวต่างๆที่ปรากฏมากมาย เช่น มีการล่อลวงกันไปข่มขืนผ่านทาง HI5 หรือ Facebook หรือมีการหลอกหลวงฉ้อโกงกัน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะข้อมูลส่วนตัว แต่ประเด็นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความจริงใจไม่สารมารถหาได้ในเครือข่ายออนไลน์ ในโลกออนไลน์คุณสามารถจะเป็นใครก็ได้ตามที่ใจคุณอยากเป็นไม่มีกฎหมายบังคับ ไม่มีข้อห้าม เมื่อนำรูปภาพ ที่อาจจะสื่อไปในทางล่อแหลม ทางเพศ เรื่องราวข้อมูลส่วนตัวมาแชร์ให้กับคนที่เริ่มรู้จักกันผ่านทางโลกออนไลน์โดยไม่รู้จักกันมาก่อน เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง แต่ก็เลือกที่จะเชื่อใจคนเหล่านั้นที่เรารู้จักเพียงผิวเผิน ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
และนอกจากการหลอกลวงกันผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์แล้ว สิ่งเหล่านี้ยังนำมาซึ่งความเสื่อมเสียของวัฒนธรรมด้วยความที่เป็นอิสรเสรี ผู้ใช้คิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของตนเองสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ตามแต่ใจตนเองต้องการโดยลืมนึกไปว่าสิ่งที่แสดงออกได้ปรากฏสู่สายตาของผู้อื่นทั้งที่เรารู้จักและไม่รู้จัก จากกรณีตัวอย่างของ มาร์ค V11 หรือ นายวิทวัส ท้าวคำลือ ที่ออกมาวิจารณ์กล่าวหานายกรัฐมนตรีผ่านทาง Facebook ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากมายแสดงให้เห็นถึง ความก้าวร้าว ความรุนแรงของวัยรุ่น และคนสมัยใหม่ เป็นเหตุให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในวัยเด็ก หรือ วัยรุ่น ในสังคมยุคปัจจุบัน ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียของวัฒนธรรมไทย
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภัยร้ายและความน่ากลัวที่มาจาก Social Network ยังคงมีเหตุการณ์ในทางลบที่เกี่ยวกับ Social Network อีกมากมาย แต่คนรุ่นใหม่ก็ยังไม่ค่อยใส่ใจกับปัญหานี้เท่าที่ควร ยังคงไม่ตระหนักคิดว่าเป็นเรื่องร้ายใกล้ตัวเมื่อไม่ได้เจอกับตัวเอง ทำให้ไม่รู้สึกระแวงถึงภัยร้ายที่แฝงมากับเครือข่ายสังคมออนไลน์เหล่านี้ ทั้งยังไม่มีกฎ ข้อห้ามหรือ ข้อบังคับที่ตายตัวเกี่ยวกับปัญหาในโลกออนไลน์ ทุกคนยังคงสนุกสนานที่ได้มีส่วนร่วมบนความสนุกบนสังคมในรูปแบบใหม่
สุดท้ายนี้ คงไม่มีใครสามารถห้ามไม่ให้ใครทำอะไรบนโลกออนไลน์นี้ได้เราคงได้แต่ห้ามใจตัวของเราเองไม่ให้หลงมัวเมาและตกเป็นเหยื่อของ สังคมออนไลน์ ภัยร้ายใกล้ตัวเรานี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น