9 วิธี ป้องกันภัยของผู้หญิง
มีบ่อยครั้งที่ผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมต่างๆ
อาจเพราะว่าหลายคนมักเชื่อว่า
ผู้หญิงอ่อนแอเกินกว่าที่จะป้องกันตัวเองได้
รวมไปถึงความประมาทเลินเล่อเพียงเชื่อว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ
คงไม่เกิดขึ้นกับเราหรอกนะ
ดังนั้น เราลองมาดูวิธีต่างๆกันว่า หากผู้หญิงต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว เราควรจะทำอย่างไรเพื่อเอาชีวิตรอดกันดี
1. เกร็ดความรู้จากศาสตร์ป้องกันตัว
ตามหลักของวิชาเทควันโด้กล่าวไว้ว่า ข้อศอกเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย หากถูกทำร้าย หรือกำลังจะถูกทำร้าย และคุณอยู่ในระยะที่ใกล้พอ จงใช้ข้อศอกให้เป็นประโยชน์ โดยการถองกบาลหรือกกหูมันแรงๆ
2. เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ
ข้อแนะนำจากหนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวเมืองนิวออร์ลีนส์เขียนไว้ว่า
หากผู้หญิงถูกโจรจี้และขอกระเป๋าถือหรือกระเป๋าสตางค์ อย่ายื่นกระเป๋าให้โจร แต่ให้เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ เพราะเป็นไปได้ว่าเจ้าโจรนั่นอาจสนใจเงินหรือข้าวของในกระเป๋ามากกว่าตัวคุณมันจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าที่คุณโยนออกไป ทีนี้ก็จงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในทิศทางตรงกันข้าม
3. “สติ” และประสาทต้องตื่นตัวอยู่เสมอ
หมั่นสำรวจรอบตัวมองข้างในรถทั้งที่นั่งข้างคนขับ พื้นรถรวมถึง เบาะหลังด้วย เพราะคนร้ายอาจแอบอยู่หลังเบาะคนขับก็เป็นได้ ซึ่งในกรณีนี้หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้ว
4. ล็อคประตูรถทุกครั้ง
เป็นที่พบเห็นกันบ่อยครั้งเมื่อผู้หญิงส่วนใหญ่มักมองข้ามในเรื่องของการล็อคประตูรถยนต์ เหตุการณ์ร้ายแรงส่วนหนึ่งที่หลายคนประสบก็คือคนร้ายมักเปิดประตูรถและปล้นทรัพย์สิน หรือไม่ก็เอาปืนจี้แล้วบังคับไปไหนต่อไหน ดังนั้นคุณผู้หญิงจึงไม่ควรนั่งแช่ในรถ หรือเปิดประตูรถค้างไว้
5. ขับไปให้ไกล อย่าเพิ่งจอด
หากขับรถอยู่แล้วมีคนบีบแตร โบกรถ หรือชี้มาที่รถเพื่อต้องการให้เราจอดดู คุณควรขับรถเลยไปให้ไกลจนกว่าจะเจอจุดที่มีคนพลุกพล่าน และปลอดภัยกว่าที่เดิม เพราะหลายครั้งที่มิจฉาชีพมักใช้แผนนี้ล่อลวงคนโดยเฉพาะผู้หญิง
6. ควรใช้ลิฟต์แทนการขึ้นลงทางบันได
บันไดเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดถ้าอยู่คนเดียว รวมทั้งเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรมได้ดีที่สุดเพราะคนร้ายอาจอาศัยช่วงที่ไม่มีคนหลบอยู่ตามมุมบันไดต่างๆก็เป็นได้
7. หากผู้ร้ายมีปืน และคุณยังไม่ได้ถูกจี้ .. วิ่งหนี!
โอกาสที่มันจะยิงโดนคุณมีเพียง 4 ใน 100 ครั้งเท่านั้น (เป้าเคลื่อนที่) และถึงจะยิงโดน ก็เป็นไปได้มากว่าจะไม่ถูกอวัยวะสำคัญ เพราะฉะนั้น คุณควรวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตลูกเดียว...
8. อย่าวางใจคน จะจนใจเอง
ผู้หญิงมักใจอ่อน ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย ข่มขืน หรือฆาตกรรมได้ โดยกรณีนี้มีตัวอย่างมาแล้วหลายราย อาทิฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งในอเมริกาชื่อ เท็ด เบินดี้ม เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา มักใช้กลวิธีเรียกร้องความสงสารจากเหยื่อเพศหญิงซึ่งไม่ได้เกิดความสงสัยสักนิด เขาหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจด้วยการเดิน โดยอาศัยไม้เท้า หรือแสร้งทำขากะเผลก จากนั้นจะขอ “ความช่วยเหลือ” จากเหยื่อให้ช่วยพยุงขึ้นรถ แล้วก็ใช้จังหวะนั้นลักพาตัวไป
9. “ไฟไหม้” แทนคำว่า “ช่วยด้วย”
จากหนังสือภัยจาก 108 มงกุฏ เมื่อคุณกลับบ้านในเวลากลางคืน
หากถูกคนร้ายจี้ ชิงทรัพย์ ฯลฯ เวลาร้องขอความช่วยเหลือให้ร้องว่า “ไฟไหม้” แทนคำว่า “ช่วยด้วย” เพราะคำว่าไฟไหม้จะทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นตกใจตื่นและออกมาดูสถานการณ์ได้เร็วกว่า
ท้ายนี้ขอให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงพึงระลึกไว้เสมอว่า”โลกใบนี้มีคนวิกลจริตอาศัยอยู่มาก … ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเสียใจภายหลัง“…
วิธีลดโลกร้อน ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ปัจจุบันโลกของเราร้อนขึ้นทุกวัน ๆ ส่งผลให้คนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านได้นาน ๆ เหมือนแต่ก่อน ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างเช่น แอร์ พัดลม ช่วยเพิ่มความเย็น และยิ่งโลกร้อนขึ้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่า ผู้คนบนโลกยิ่งใช้พลังงานทำลายชั้นบรรยากาศของโลกมากขึ้นเท่านั้น . . . วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีวิธีดี ๆ ในการประหยัดพลังงานทุก ๆ อย่างในชีวิตประจำวันมาฝากกัน มาเริ่มต้นประหยัดพลังงานกันตั้งแต่วันนี้ ทั้งในบ้านไปจนถึงที่ทำงานกันดีกว่าค่ะ เพื่อโลกเราสดใส ไม่ร้อน
เอ... ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่า คุณสามารถช่วยลดโลกร้อนในแต่ละวันอย่างไรได้บ้าง
พลังงานความร้อนและไฟฟ้า
1. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดานบ้าน เพื่อลดความร้อนและทำให้บ้านเย็น
2. ตั้งตู้เย็นไว้ในที่ที่ใกล้กับประตูหน้าต่าง เพื่อความร้อนที่ระบายออกมาจะได้ไม่สะท้อนกลับไปในห้องครัว และยังช่วยประหยัดไฟอีกด้วย
3. ในฤดูหนาวควรเปิดหน้าต่างให้ความเย็นเข้ามาในห้องตอนกลางคืน และปิดหน้าต่างตอนเช้า เพื่อให้ความเย็นภายในห้อง ไม่ถูกแทนที่ด้วยความร้อนจากแสงแดดตอนกลางวัน
4. คุณสามารถลดความร้อนในบ้านได้ถึง 50% หากติดกระจกแบบสองชั้น เพราะจะสามารถกันความร้อนได้ และช่วยคุณประหยัดไฟฟ้าได้อีก
5. เปิดแอร์ที่ 25 องศาเสมอ เพราะเป็นอุณหภูมิที่สบายที่สุด ที่คุณไม่ต้องนอนห่มผ้าตากแอร์เลย
6. ติดตั้งระบบไฟฟ้าหมุนเวียนภายในบ้าน
7. เลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเกรด A ที่ไม่กินไฟ
8. เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ
9. อย่าใช้เครื่องปั่นผ้าในวันที่ฟ้าใส และแดดจัด เพราะอุณหภูมิของโลก สูงพอจะทำให้ผ้าแห้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงอยู่แล้ว
10. เสื้อผ้าน้อยชิ้นควรซักเองด้วยมือ ส่วนเครื่องซักผ้าควรใช้ในวันที่มีเสื้อผ้าเต็มตะกร้า
11. หากคุณต้องเปิดไฟในสวนหน้าบ้านทุกคืน ควรใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ชาร์จพลังงานตอนกลางวัน และเปิดไฟตอนกลางคืน
12. ถอดสายชาร์จโทรศัพท์มือถือออกจากเบ้าเสียบทุกครั้งที่ชาร์จเสร็จ เพราะมันกินไฟโดยเปล่าประโยชน์
พลังงานน้ำ
13. ตรวจสอบรอยรั่วของท่อประปา หรือรอยรั่วก๊อกน้ำแล้วอุดรอยรั่วนั้นให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้มันหยดทิ้งแม้น้อยนิดก็ตามที
14. หากคุณจะต้มน้ำ ควรใช้หม้อต้มน้ำที่พอดีกับปริมาณน้ำที่ต้องการใช้ เพราะขนาดภาชนะที่ใหญ่เกินไป มักจะทำให้เราใช้น้ำเกินความต้องการเสมอ
15. เวลาที่ชงชา ต้มน้ำในปริมาณที่คุณจะใช้เท่านั้น แม้มันจะดูน้อยนิดเกินไป แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้น้ำร้อนที่เหลือจากการชงชาค่อย ๆ เย็นโดยไม่ได้ใช้อะไรเลย
16. ปิดก๊อกน้ำทุกครั้งขณะที่คุณกำลังแปรงฟัน
17. ใช้ถังชักโครกที่ประหยัดน้ำ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำไปกับการชำระล้างโถส้วม เกินความจำเป็น
18. ใช้ฝักบัวอาบน้ำแทนการนอนแช่น้ำในอ่าง เพราะมันเปลืองน้ำกว่ามาก ๆ
อาหารและตู้เย็น
19. ตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังด้านละประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อให้ได้ระบายความร้อนได้สะดวก
20. ละลายน้ำแข็งในตู้เย็นเป็นประจำ
21. อย่าเปิดตู้เย็นทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินไป เพราะจะทำให้ความเย็นระบายออกมาหมดและทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก กินไฟมาก
22. ไม่ควรนำอาหารอุ่น ๆ หรือร้อนแช่ตู้เย็นเป็นอันขาด ควรวางไว้ให้เย็นก่อนแล้วค่อยนำเข้าตู้เย็นอีกครั้ง
23. ซื้ออาหารที่มีในท้องถิ่น เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องซื้อในปริมาณเยอะ ๆ แล้วนำมาตุนไว้ในช่องแช่แข็งจนไม่มีที่ว่าง
พลังงานขณะขับรถ
24. วางแผนการเดินทางทุกครั้งก่อนออกรถ เพื่อจะได้ไม่ต้องขับวนไปวนมาคิดซ้ายคิดขวาว่าจะไปทางไหนดี
25. ขับรถด้วยความเร็วที่คงที่เสมอ ที่สำคัญไม่ควรขับเร็วเกินความจำเป็นด้วย
26. ควรสตาร์ทเครื่องยนต์ไว้สักครู่ ก่อนออกรถ
27. ในกรณีที่รถติดไฟแดงในแยกที่รถติดนานกว่า 2 นาทีขึ้นไป ควรดับเครื่องยนต์ก่อนแล้วค่อยสตาร์ทใหม่
28. ไม่ควรเปิดแอร์ในรถเย็นเกินไป ใช้อุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น
29. หากต้องเดินทางไปสถานที่ใกล้ ๆ ที่ห่างจากบ้านไม่เกิน 5 กิโลเมตร ควรใช้วิธีเดินหรือปั่นจักรยานดีกว่า
30. อุปกรณ์แต่งรถหลาย ๆ อย่าง สามารถกินพลังงานเกินความจำเป็นได้ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องบอกทาง เป็นต้น
31. นำรถเข้าอู่เป็นประจำ เพื่อเช็คสภาพและการทำงานต่าง ๆ ของรถ
พลังงานขณะทำงาน
32. แม้ว่าคุณจะไม่ได้จ่ายค่าไฟที่ทำงานเอง แต่ก็ควรใช้ไฟเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้หรือในห้องที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อช่วยโลกประหยัดไฟ
33. ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อคุณต้องลุกออกไปที่ไหนนาน ๆ เช่น ทานข้าว ไปประชุม หรือแม้แต่ออกไปยืดเส้นยืดสาย
34. ใช้กระดาษทั้งสองหน้า อย่าใช้เพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
35. หากสามารถเปิดหน้าต่างได้ ควรหลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ในวันที่อากาศสบาย ๆ
36. ควรใช้ลิฟต์ในออฟฟิศพร้อม ๆ กับคนอื่น ขณะเดียวกัน คุณสามารถเดินขึ้นบันไดได้หากห้องทำงานของคุณไม่ได้อยู่สูงถึงชั้น 7
37. สำหรับข้อมูลบางอย่างที่สามารถอ่านผ่านคอมพิวเตอร์ได้ บางครั้งคุณก็ไม่จำเป็นต้องปรินท์เอาท์ออกมา